วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความหมายของการประกันชีวิต

การประกันชีวิต หมายถึง วิธีการที่คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันขึ้นเืืพื่อร่วมกันเฉลี่ยภัย หรือเป็นวิธีการทดแทนการสูญเสียรายได้ อันเนื่องจากการประสบภัยเมื่อคนใดต้องพบกับภัยก็จะได้รับเงินก้อนหนึ่งจากบริษัทประกันชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยเงินก้อนนี้เป็นเงินที่เฉลี่ยเก็บจากผู้สมัครทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันชีวิต ซึ้งเงินเฉลี่ยนี้เรียกว่า "เบี้ยประกันชีวิต" และผู้ที่สมัครทำประกันชีวิตจะเรียกว่า "ผู้เอาประกันชีวิต" ส่วนบริษัทจะเรียกว่า "ผู้รับประกันชีวิต"




 การเสี่ยงภัยในความหมายของการประกันชีวิต
ได้แก่ ความเป็นได้ที่มีโอกาสจะเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บหรือประสบอุบัติเหตุ หรือความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะประสบภัย การสูญเสีย รายได้ในอนาคตเมื่อพ้นวันทำงาน

ภัยที่มนุษย์จะมีโอกาสประสบ 
ได้แก่ การเสียชีวิคก่อนเวลาืิือันสมควร การสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพ การสูญเสียรายได้ในยามชรา และการเจ็บป่วยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล

การประกันชีวิตต่างกับการประกันวินาศภัย
คือ การประกันวินาศภัยชดใช้ค่าสินไหมตามความเสียหายจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย ส่วนการประกันชีวิตจ่ายค่าสินไหมตามจำนวนเงินเอาประกันเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต

การประกันชีวิตต่างกับการฝากเงินธนาคาร
คือ การประกันชีวิตมีความคุ้มครองและออมทรัพย์ในขณะเดียวกัน แต่การฝากเงินกัยธนาคารมีการออมทรัพย์อย่างเดียว ดังนั้นการประกันชีวิตมีข้อได้เปรียบการฝากเงินกับธนาคาร คือ มีความคุ้มครองมรณกรรม แต่ขณะเดียวกันผู้เอาประกันก็ต้องจ่ายเงินเบี้ยประกันเป็นค่าคุ้มครองด้วย

เลือกซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตอย่างไรดี


   หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจจะซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้เพื่อเป็นหลัก ประกันให้แก่ตัวเองและครอบครัว ลองพิจารณาตามแนวทางต่อไปนี้ดู ก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทใดดี จึงจะเหมาะสมและตรงกับความต้องการที่สุด

         
    สถานะทางครอบครัวและภาระความรับผิดชอบ
   
    คนโสดที่ไม่มีภาระใดๆ หรือคนที่มีครอบครัวแล้ว แต่ยังไม่มีบุตร เหมาะกับกรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์และแบบเงินได้ประจำ แต่ถ้าเป็นคนที่มีครอบครัว มีบุตร และมีภาระดูแลบิดามารดา อาจจะเหมาะกับกรมธรรม์แบบตลอดชีพ ซึ่งมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าแบบอื่น แต่จะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่คุณเป็นเสาหลักของครอบครัวได้
   
           
   ภาระทางการเงิน
   
    หากไม่แน่ใจว่าจะสามารถส่งเบี้ยประกันตามจำนวนและเวลาที่กำหนดได้ คุณควรเลือกกรมธรรม์ที่ส่งเบี้ยประกันไม่สูงนัก แต่สามารถให้ความคุ้มครองได้ตามที่ต้องการ แม้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับอาจไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยผ่อนหนักเป็นเบาในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
   
           
   ภาระหนี้สิน
   
     กรณีที่คุณมีภาระหนี้สิน คุณควรเลือกซื้อกรมธรรม์แบบกำหนดระยะเวลา โดยให้ประโยชน์ที่ได้รับครอบคลุมหนี้เหล่านั้น เพราะหากคุณต้องเสียชีวิตหรือพิการจนไม่สามารถหารายได้ต่อไป ประกันชีวิตประเภทนี้จะช่วยชำระหนี้สินเหล่านั้นแทนคุณได้
   
           
      การเลือกประกันชีวิตประเภทที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณและครอบครัวได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งไม่สร้างภาระทางการเงินให้คุณมากจนเกินไปด้วย

 By : edu.tsi-thailand.org